ต้นเทียน
ชื่อสามัญ Garden Balsam
ชื่อวิทยาศาสตร์ Impatiens Balsamina Linn.
จัดอยู่ในวงศ์ BALSAMINACEAE
ชื่อท้องถิ่น เทียนดอก เทียนสวน เทียนไทย เทียนขาว เทียน (ภาคกลาง), จึงกะฮวย จี๋กะเช่า เซียวก่ออั้ง ห่งเซียง (จีน), จือเจี่ยฮวา จี๋ซิ่งจื่อ เฟิ่งเซียนฮวา ฝู่เฟิ่งเซียนฮวาจื่อ เป็นต้น[ลักษณะของเทียนบ้าน ต้นเทียนบ้าน หรือ ต้นเทียนดอก มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและแอฟริกา
ลักษณะของเทียนบ้าน ต้นเทียนบ้าน หรือ ต้นเทียนดอก มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและแอฟริกา โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุราว 1 ปี มีความสูงของต้นประมาณ 20-70 เซนติเมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านใกล้กับโคนต้น ข้อกลวง ต้นใหญ่ เป็นรูปกลมทรงกระบอก ลำต้นมีลักษณะกลมเป็นสีเขียวอ่อนอมสีแดง อวบน้ำมีเนื้อนิ่ม ผิวเรียบ เนื้อใส โคนต้นเป็นสีแดง พรรณไม้ชนิดนี้มีการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการปักชำ ปลูกได้ง่าย โตเร็ว เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีธาตุอาหารสมบูรณ์ ชอบแสงแดดอ่อนๆ จึงควรปลูกในที่ร่มรำไร
ใบเทียนบ้าน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบต้น ใบมีลักกษณะเป็นรูปรีกว้าง ปลายใบแหลม โคนใบเป็นรูปลิ่ม ขอบใบตักเป็นซี่ฟันตลอดทั้งขอบใบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้มกว่าลำต้น หลังใบและท้องใบเรียบ บ้างว่าผิวของเนื้อใบสากและหยาบ
ดอกเทียนบ้าน ออกดอกเป็นช่อประมาณ 2-3 ดอก หรือออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามซอกใบ ดอกจะมีหลายสีแล้วแต่สายพันธุ์ เช่น สีชมพู สีแดง สีม่วง สีขาว หรืออาจเป็นสีผสมก็ได้ (แต่นิยมนำดอกขาวมาใช้ทำยา) ดอกมีกลีบดอกประมาณ 4-5 กลีบ กลีบดอกอาจซ้อนกันหรือไม่ซ้อนกันก็ได้ และแต่ละกลีบมีขนาดไม่เท่ากัน ปลายของกลีบดอกหยักเว้าเป็นลอน ส่วนกลีบรองดอกมีลักษณะเป็นรูปถ้วยปากบานออก มีงวงน้ำหวานยาว ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวน 5 อัน เกิดติดกันอยู่รอบๆ รังไข่ โดยรังไข่แบ่งออกเป็น 5 ห้อง ปลายรังไข่มี 5 รอยแยก ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมี 3 กลีบ เป็นสีเขียว ออกดอกได้ตลอดทั้งปีและมีสีสดสวย
ผลเทียนบ้าน ลักษณะของผลเป็นรูปทรงรี ผิวผลมีขนยาวสีขาวปกคลุม ผลเป็นกระเปาะมีรอยแยกแบ่งเป็น 5 กลีบ ผลมีก้านผลยาวมองเห็นได้ชัดเจน ผลเป็นสีเขียว เมื่อแก่เต็มที่แล้วจะแตกออกตามยาว เปลือกจะบิดม้วนขมวดและดีดเมล็ดออกมา ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มถึงดำ มีรอยกระอยู่หลายเมล็ด เมล็ดมีลักษณะกลมหรือเป็นรูปไข่แบน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-3 มิลลิเมตร
สรรพคุณของเทียนบ้าน รากมีรสขมเผ็ด มีพิษเล็กน้อย ใช้กระจายเลือด ขับลมชื้นในร่างกาย (ราก)[4] ส่วนเมล็ดมีพิษ สรรพคุณช่วยกระจายเลือด (เมล็ด)[6] ลำต้นมีสรรพคุณช่วยทำให้เลือดเดินสะดวก (ลำต้น)[6] ดอกมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ใช้บำรุงร่างกาย (ดอก)[6] เมล็ด ใบ ดอก ทั้งต้นใช้เป็นยาฟอกเลือด (เมล็ด,ใบ,ดอก,ทั้งต้น)[4],[6] บ้างว่ารากก็มีสรรพคุณเป็นยาฟอกเลือดเช่นกัน (ราก)[8] ใช้แก้จมูกอักเสบ บวมแดง ด้วยการใช้ยอดสดนำมาตำผสมกับน้ำตาลทรายแดง แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนเช้าและเย็น (ยอดสด)[5] ลำต้นนำมาตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำดื่มหรือกลืน เพื่อแก้ก้างปลาหรือกระดูกติดคอ (ต้น)[3] ส่วนเมล็ดก็มีสรรพคุณช่วยแก้ก้างติดคอเช่นกัน โดยใช้เมล็ดสดนำมาตำแล้วกลืนลงไป หรือถ้าไม่มีเมล็ดก็ให้ใช้รากสดนำมาเคี้ยวให้ละเอียดแล้วกลืนลงไปช้าๆ แล้วใช้น้ำอุ่นอมบ้วนปาก เพื่อป้องกันฟันเสีย (เนื่องจากยานี้ละลายกระดูกและฟันได้) (เมล็ด,ราก)[6],[9] ช่วยทำให้อาเจียน (ลำต้น)[6] เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาขับเสมหะข้น (เมล็ด)[6] ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้ฝีบริเวณต่อมทอนซิล (ทั้งต้น)[4] ใช้แก้คอเป็นเม็ดเดี่ยวหรือเม็ดคู่ โดยใช้เมล็ดนำมาบดเป็นผง ใช้กระดาษม้วนเป่าเข้าไป ให้อมไว้วันละ 2-3 ครั้ง (เมล็ด)[9] ทั้งต้นมีรสเผ็ดขม เป็นยาร้อนเล็กน้อย ใช้เป็นยาขับลม (ทั้งต้น[4], ลำต้น[8]) ใบและดอกมีสรรพคุณเป็นยาสลายลม (ใบ,ดอก)[6]
ประโยชน์ของเทียนบ้าน ใบสดนำมาต้มกับน้ำใช้สระผม จะช่วยบำรุงผม ทำให้ผมดกดำได้[3] ชาวบาหลีในอดีตจะนำใบเทียนมารับประทานเป็นอาหาร[10] น้ำคั้นจากใบสด สามารถนำมาใช้ย้อมสีผมแทนใบเทียนกิ่งได้ แต่เวลาใช้ต้องระมัดระวังไม่ให้สีติดตามเสื้อผ้าและร่างกาย[1],[2] เด็กๆ จะใช้กลีบและผลของต้นเทียนเป็นของเล่น เพราะดอกมีกลีบต่างๆ ที่ใช้ย้อมหรือทาได้ดีและไม่มีอันตราย ซึ่งชาวมาเลเซียในอดีตจะใช้กลีบของต้นเทียนทาสีเล็บ[10] ดอกและใบสดใช้ย้อมเล็บ ทำให้เล็บเป็นสีส้ม[12] เมล็ดบีบให้น้ำมันใช้เป็นน้ำมันสำหรับหุงต้มหรือน้ำมันสำหรับใช้จุดตะเกียง[12] ต้นเทียนดอกหรือเทียนบ้าน เป็นพรรณไม้ที่นิยมปลูกกันเป็นไม้ประดับตามบ้านเรือน ตามสถานที่ราชการต่างๆ หรือตามสวนยาจีนทั่วๆ ไป[3],[9] อีกทั้งชื่อของต้นเทียนก็เป็นมงคลอีกด้วย เพราะเปรียบเสมือนสิ่งที่ให้แสงสว่างที่ชาวพุทธใช้ในการบูชาพระรัตนตรัย และใช้ในงานพิธีต่างๆ
ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรเทียนบ้าน สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิด[3],[4],[9] เมล็ดเทียนบ้าน สามารถละลายกระดูกและฟัน ทำให้ฟันเสียได้ จึงควรระมัดระวังไม่ให้ถูกฟันในขณะใช้[6],[9] รากของต้นเทียนบ้าน หากรับประทานในปริมาณมาก หรือรับประทานติดต่อกันนานๆ หรือรับประทานบ่อยๆ จะเป็นอันตรายต่อม้ามและกระเพาะ[9]
แหล่งอ้างอิง หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “เทียนดอก (Tian Dok)“. หน้า 147. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “เทียนบ้าน Garden Balsam“. หน้า 124. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, พิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “เทียนดอก“. หน้า 382-384. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “เทียนดอก“. หน้า 268. สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “เทียนบ้าน“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [22 มี.ค. 2014]. สถาบันการแพทย์แผนไทย. “เทียนบ้าน“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ittm-old.dtam.moph.go.th. [22 มี.ค. 2014]. สมุนไพร, สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. “เทียนบ้าน“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: aidsstithai.org/herbs/. [22 มี.ค. 2014]. ไทยโพสต์. “เทียนบ้านรักษาเล็บขบ และวิธีรักษาเชื้อราที่เล็บอย่างได้ผล“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaipost.net. [22 มี.ค. 2014].
https://www.youtube.com/watch?v=Q3Zuf-s50J8
https://www.youtube.com/watch?v=CMlbF5rOD10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น