วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557
การจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผักกาดหัว
รายละเอียดสูตรอาหาร
ต้มจับฉ่ายผักกาดขาว Chinese Vegetable Stew ผักกาดขาวหรือแปะฉ่ายเป็นหนึ่งในผักไม่กี่ชนิดที่หาทานได้ในหน้าหนาวประเทศจีน ต้มจับฉ่ายจึงเป็นอาหารที่ทำกินกันในหน้าหนาว นอกจากซุปอุ่นๆ ที่ได้แล้วยังเป็นอาหารที่ย่อยง่ายกินกันได้ทั้งครอบครัวและยังประหยัดเงินอีกด้วย
วัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆ ในการทำต้มจับฉ่ายมีดังต่อไปนี้
- กะหล่ำปลี 1 หัว (เลือกหัวที่ใหญ่ๆ มีน้ำหนักหน่อยนะครับ ใบด้านนอกต้องเลือกที่มีสีเขียวอ่อนออกขาว)
- ผักกาด 800 กรัม (ควรเลือกที่มีสีเขียวสดและไม่เหี่ยว เพราะจะทำให้ต้มจับฉ่ายของเรากรอบน่ารับประทาน)
- ผักกวางตุ้ง 1 กิโลกรัม (ควรเลือกต้นที่ใบกลม ก้านไม่ยาวมาก)
- ผักคะน้า 1 กิโลกรัม (ควรเลือกที่ใบมีสีเขียวสด ไม่เหี่ยว)
- หัวไชเท้า 1 หัวใหญ่ (ให้เลือกซื้อหัวที่เนื้อแน่น ไม่มีรอยช้ำ)
- ซี่โครงหมู (สำหรับทำให้น้ำซุปอร่อยและกลมกล่อมมากขึ้น)
- รากผักชี 5 ราก
- พริกไทยเม็ด 2 ช้อนชา
- กระเทียม
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำตาลปี๊บ (ไม่ควรใช้นำตาลทราย เพราะหวานแหลมเกินไป)
- เกลือ (ไม่ควรใช้น้ำปลาเพราะจำทำให้น้ำซุปมีกลิ่นคาว)
วิธีทำ
1. เมื่อวัตถุดิบทุกอย่างพร้อม ก็เข้าสู่ขั้นตอนการปรุงแล้วครับ ให้นำเอา รากผักชี กระเทียม และพริกไทย โขลกเข้าด้วยกันจนละเอียด หรือถ้าใครไม่มีครกจะใช้เครื่องปั่นก็ได้ครับ สะดวกดีด้วย จากนั้นเมื่อโขลกเสร็จแล้ว ให้ตั้งกระทะให้ร้อนนำเอาส่วนผสมที่โขลกไว้ นำไปผัดในกระทะจากนั้นตามด้วยซี่โครงหมู ผัดจนหมูสุกครับ บางตำราว่าหากต้องการให้หอมและอร่อยกว่านี้ ให้เติมเห็ดหอมลงไปผัดด้วย โดยระหว่างที่ผัดให้เติมน้ำซุปลงไปเล็กน้อย เพื่อป้องกันกระทะไหม้ครับ 2. จากนั้นเมื่อหมูสุกแล้ว ให้นำผักต่างๆ (ล้างและหั่นให้เรียบร้อย) ลงไปผัดกับหมูและเครื่องปรุงในกระทะ พร้อมเหยาะซีอิ๊วขาวลงไปนิดหน่อย ค่อยผัดจนผักสุกครับ จากนั้นตักพักไว้ 3. ต้มน้ำประมาณครึ่งหม้อ ด้วยไฟอ่อนๆ เติมเกลือพอประมาณ จากนั้นให้เทเครื่องที่เราผัดไว้ในขั้นตอนที่แล้วลงในหม้อ ใส่ซีอิ๊วขาวอีกนิดหน่อย แล้วต้มด้วยไฟอ่อนๆตุ๋นไปเรื่อยๆ หากมีฟองออกมามากให้หมั่นตักทิ้งครับ เพื่อให้น้ำซุปที่ได้ดูใสน่ารับประทาน เมื่อผักในหมอเริ่มยุบตัวก็เติมเกลือกับน้ำตาลปี๊บ แล้วลองชิมดูครับ ว่ารสชาติที่ได้นั้นออกแนวไหน โดยส่วนมากแล้วต้มจับฉ่ายมักจะมีรสหวานเค็มจึงจะอร่อย ซึ่งถ้าได้รสชาติที่พอใจแล้ว ก็ตุ๋นเคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนผักเปื่อย จากนั้นตักออกมาใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟทันทีครับ 4. เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งในการทำต้มจับฉ่ายให้อร่อยนั้น เครื่องปรุงรสหวานนั้นควรใช้น้ำตาลปี๊บ เพราะให้รสที่หวานละมุนกว่าน้ำตาลทราย และเครื่องปรุงรสเค็มนั้นควรใช้เกลือแทนน้ำปลา เพราะน้ำปลานั้นจะให้กลิ่นคาว ทำให้ต้มจับฉ่ายของเราไม่หอมเท่าที่ควรครับ
อ้างอิง
3.http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/05/D12047475/D12047475.html
5. http://m.foodtravel.tv/recipe.aspx?viewid=2829
วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557
สวนพฤกษาศาสตร์ ต้นเทียน
ต้นเทียน
ชื่อสามัญ Garden Balsam
ชื่อวิทยาศาสตร์ Impatiens Balsamina Linn.
จัดอยู่ในวงศ์ BALSAMINACEAE
ชื่อท้องถิ่น เทียนดอก เทียนสวน เทียนไทย เทียนขาว เทียน (ภาคกลาง), จึงกะฮวย จี๋กะเช่า เซียวก่ออั้ง ห่งเซียง (จีน), จือเจี่ยฮวา จี๋ซิ่งจื่อ เฟิ่งเซียนฮวา ฝู่เฟิ่งเซียนฮวาจื่อ เป็นต้น[ลักษณะของเทียนบ้าน ต้นเทียนบ้าน หรือ ต้นเทียนดอก มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและแอฟริกา
ลักษณะของเทียนบ้าน ต้นเทียนบ้าน หรือ ต้นเทียนดอก มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและแอฟริกา โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุราว 1 ปี มีความสูงของต้นประมาณ 20-70 เซนติเมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านใกล้กับโคนต้น ข้อกลวง ต้นใหญ่ เป็นรูปกลมทรงกระบอก ลำต้นมีลักษณะกลมเป็นสีเขียวอ่อนอมสีแดง อวบน้ำมีเนื้อนิ่ม ผิวเรียบ เนื้อใส โคนต้นเป็นสีแดง พรรณไม้ชนิดนี้มีการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการปักชำ ปลูกได้ง่าย โตเร็ว เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีธาตุอาหารสมบูรณ์ ชอบแสงแดดอ่อนๆ จึงควรปลูกในที่ร่มรำไร
ใบเทียนบ้าน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบต้น ใบมีลักกษณะเป็นรูปรีกว้าง ปลายใบแหลม โคนใบเป็นรูปลิ่ม ขอบใบตักเป็นซี่ฟันตลอดทั้งขอบใบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้มกว่าลำต้น หลังใบและท้องใบเรียบ บ้างว่าผิวของเนื้อใบสากและหยาบ
ดอกเทียนบ้าน ออกดอกเป็นช่อประมาณ 2-3 ดอก หรือออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามซอกใบ ดอกจะมีหลายสีแล้วแต่สายพันธุ์ เช่น สีชมพู สีแดง สีม่วง สีขาว หรืออาจเป็นสีผสมก็ได้ (แต่นิยมนำดอกขาวมาใช้ทำยา) ดอกมีกลีบดอกประมาณ 4-5 กลีบ กลีบดอกอาจซ้อนกันหรือไม่ซ้อนกันก็ได้ และแต่ละกลีบมีขนาดไม่เท่ากัน ปลายของกลีบดอกหยักเว้าเป็นลอน ส่วนกลีบรองดอกมีลักษณะเป็นรูปถ้วยปากบานออก มีงวงน้ำหวานยาว ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวน 5 อัน เกิดติดกันอยู่รอบๆ รังไข่ โดยรังไข่แบ่งออกเป็น 5 ห้อง ปลายรังไข่มี 5 รอยแยก ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมี 3 กลีบ เป็นสีเขียว ออกดอกได้ตลอดทั้งปีและมีสีสดสวย
ผลเทียนบ้าน ลักษณะของผลเป็นรูปทรงรี ผิวผลมีขนยาวสีขาวปกคลุม ผลเป็นกระเปาะมีรอยแยกแบ่งเป็น 5 กลีบ ผลมีก้านผลยาวมองเห็นได้ชัดเจน ผลเป็นสีเขียว เมื่อแก่เต็มที่แล้วจะแตกออกตามยาว เปลือกจะบิดม้วนขมวดและดีดเมล็ดออกมา ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มถึงดำ มีรอยกระอยู่หลายเมล็ด เมล็ดมีลักษณะกลมหรือเป็นรูปไข่แบน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-3 มิลลิเมตร
สรรพคุณของเทียนบ้าน รากมีรสขมเผ็ด มีพิษเล็กน้อย ใช้กระจายเลือด ขับลมชื้นในร่างกาย (ราก)[4] ส่วนเมล็ดมีพิษ สรรพคุณช่วยกระจายเลือด (เมล็ด)[6] ลำต้นมีสรรพคุณช่วยทำให้เลือดเดินสะดวก (ลำต้น)[6] ดอกมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ใช้บำรุงร่างกาย (ดอก)[6] เมล็ด ใบ ดอก ทั้งต้นใช้เป็นยาฟอกเลือด (เมล็ด,ใบ,ดอก,ทั้งต้น)[4],[6] บ้างว่ารากก็มีสรรพคุณเป็นยาฟอกเลือดเช่นกัน (ราก)[8] ใช้แก้จมูกอักเสบ บวมแดง ด้วยการใช้ยอดสดนำมาตำผสมกับน้ำตาลทรายแดง แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนเช้าและเย็น (ยอดสด)[5] ลำต้นนำมาตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำดื่มหรือกลืน เพื่อแก้ก้างปลาหรือกระดูกติดคอ (ต้น)[3] ส่วนเมล็ดก็มีสรรพคุณช่วยแก้ก้างติดคอเช่นกัน โดยใช้เมล็ดสดนำมาตำแล้วกลืนลงไป หรือถ้าไม่มีเมล็ดก็ให้ใช้รากสดนำมาเคี้ยวให้ละเอียดแล้วกลืนลงไปช้าๆ แล้วใช้น้ำอุ่นอมบ้วนปาก เพื่อป้องกันฟันเสีย (เนื่องจากยานี้ละลายกระดูกและฟันได้) (เมล็ด,ราก)[6],[9] ช่วยทำให้อาเจียน (ลำต้น)[6] เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาขับเสมหะข้น (เมล็ด)[6] ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้ฝีบริเวณต่อมทอนซิล (ทั้งต้น)[4] ใช้แก้คอเป็นเม็ดเดี่ยวหรือเม็ดคู่ โดยใช้เมล็ดนำมาบดเป็นผง ใช้กระดาษม้วนเป่าเข้าไป ให้อมไว้วันละ 2-3 ครั้ง (เมล็ด)[9] ทั้งต้นมีรสเผ็ดขม เป็นยาร้อนเล็กน้อย ใช้เป็นยาขับลม (ทั้งต้น[4], ลำต้น[8]) ใบและดอกมีสรรพคุณเป็นยาสลายลม (ใบ,ดอก)[6]
ประโยชน์ของเทียนบ้าน ใบสดนำมาต้มกับน้ำใช้สระผม จะช่วยบำรุงผม ทำให้ผมดกดำได้[3] ชาวบาหลีในอดีตจะนำใบเทียนมารับประทานเป็นอาหาร[10] น้ำคั้นจากใบสด สามารถนำมาใช้ย้อมสีผมแทนใบเทียนกิ่งได้ แต่เวลาใช้ต้องระมัดระวังไม่ให้สีติดตามเสื้อผ้าและร่างกาย[1],[2] เด็กๆ จะใช้กลีบและผลของต้นเทียนเป็นของเล่น เพราะดอกมีกลีบต่างๆ ที่ใช้ย้อมหรือทาได้ดีและไม่มีอันตราย ซึ่งชาวมาเลเซียในอดีตจะใช้กลีบของต้นเทียนทาสีเล็บ[10] ดอกและใบสดใช้ย้อมเล็บ ทำให้เล็บเป็นสีส้ม[12] เมล็ดบีบให้น้ำมันใช้เป็นน้ำมันสำหรับหุงต้มหรือน้ำมันสำหรับใช้จุดตะเกียง[12] ต้นเทียนดอกหรือเทียนบ้าน เป็นพรรณไม้ที่นิยมปลูกกันเป็นไม้ประดับตามบ้านเรือน ตามสถานที่ราชการต่างๆ หรือตามสวนยาจีนทั่วๆ ไป[3],[9] อีกทั้งชื่อของต้นเทียนก็เป็นมงคลอีกด้วย เพราะเปรียบเสมือนสิ่งที่ให้แสงสว่างที่ชาวพุทธใช้ในการบูชาพระรัตนตรัย และใช้ในงานพิธีต่างๆ
ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรเทียนบ้าน สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิด[3],[4],[9] เมล็ดเทียนบ้าน สามารถละลายกระดูกและฟัน ทำให้ฟันเสียได้ จึงควรระมัดระวังไม่ให้ถูกฟันในขณะใช้[6],[9] รากของต้นเทียนบ้าน หากรับประทานในปริมาณมาก หรือรับประทานติดต่อกันนานๆ หรือรับประทานบ่อยๆ จะเป็นอันตรายต่อม้ามและกระเพาะ[9]
แหล่งอ้างอิง หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “เทียนดอก (Tian Dok)“. หน้า 147. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “เทียนบ้าน Garden Balsam“. หน้า 124. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, พิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “เทียนดอก“. หน้า 382-384. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “เทียนดอก“. หน้า 268. สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “เทียนบ้าน“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [22 มี.ค. 2014]. สถาบันการแพทย์แผนไทย. “เทียนบ้าน“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ittm-old.dtam.moph.go.th. [22 มี.ค. 2014]. สมุนไพร, สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. “เทียนบ้าน“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: aidsstithai.org/herbs/. [22 มี.ค. 2014]. ไทยโพสต์. “เทียนบ้านรักษาเล็บขบ และวิธีรักษาเชื้อราที่เล็บอย่างได้ผล“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaipost.net. [22 มี.ค. 2014].
https://www.youtube.com/watch?v=Q3Zuf-s50J8
https://www.youtube.com/watch?v=CMlbF5rOD10
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)